เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. และสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า จากแนวทางที่ กกต. นำมาพิจารณา ทำให้เห็นว่า หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์และเหตุผลของ กกต. ก็จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องโดนร้องยุบไปด้วย โดยกรณีของพรรค พปชร. มีอย่างน้อย 3 กรณี คือ 1.กรณีนายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค พปชร. ก่อนที่จะเป็นสมาชิกพรรค 2.กรณีพรรค พปชร.จัดงานระดมทุนโดยขายโต๊ะจีนราคาโต๊ะละ 3 ล้านบาท และ 3.กรณีพรรค พปชร. เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่ยังเป็นหัวหน้า คสช.

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า แต่ในคำร้องของตน จะย้ำว่า ขอให้นายทะเบียนต้องดำเนินการตาม พรป. พรรคการเมือง 2560 มาตรา 93 วรรคหนึ่ง คือ รวบรวมข้อเท็จจริงพยานหลักฐานและเสนอความเห็นก่อน เพื่อไม่ให้ กกต. ข้ามขั้นตอนไปลงมติตามความในมาตรา 92 วรรคหนึ่ง เพราะจะเป็นการข้ามขั้นตอนและจะทำให้ไม่มีผลทางกฎหมาย ส่วนกรณีการข้ามขั้นตอนนั้น ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2553 เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า “…เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองยังมิได้มีความเห็นให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 การให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 จึงเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนของกฎหมายในส่วนสาระสำคัญ จึงไม่มีผลทางกฎหมายที่จะให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องได้” ดังนั้น ตามแนวทางและเหตุผลของ กกต. ที่ยื่นคำร้องยุบพรรค ทษช. ทำให้ตนเห็นช่องทางที่จะต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน ดังนั้น ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 11.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือให้ กกต. ดำเนินการยุบพรรค พปชร.ด้วย