เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 9 ก.พ. 62 จากกรณี น.ส.ลลิตา หรือ จอย อายุ 30 ปี โพสต์แชร์เรื่องราวสุดเศร้า ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของสามี ถูกทำร้ายร่างกายสารพัด จนล่าสุดกระดูกหัก และกระดูกใบหน้าร้าว ทรมานสาหัสเกือบเอาชีวิตไม่รอด และในช่วงเวลาที่คบหากัน ฝ่ายชายยังกล่าวหาว่าไปมีคนอื่น อีกทั้งยังรีดไถเอาเงินทั้งหมดที่หามาได้ไปซื้อยาเสพติด โดยจากการได้เข้าพูดคุยกับ นางกนกทิพย์ อายุ 50 ปี แม่ของ น.ส.ลลิตา ผู้เสียหาย เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น และได้รับทราบว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

นางกนกทิพย์เล่าว่า ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ลูกสาวโทร. มาบอกว่าอดีตสามีบุกเข้ามาที่ห้องพัก ตนจึงรีบโทร. แจ้งตำรวจให้เข้าไปช่วยดู หลังจากนั้นตนพยายามโทร. หาลูกสาวหลายครั้งแต่ ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงโทร. หาเจ้าหน้าที่ตำรวจและบอกให้ญาติเข้าไปช่วยดู 

กระทั่งพี่สาวตนโทร. มาบอกว่าลูกถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส อาการหนักปางตาย ตนตกใจมากรีบไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมลูก ยอมรับว่าใจจะขาดตอนเห็นหน้าลูก เพราะใบหน้าโชกเลือด สภาพเหมือนคนตายแล้ว

ก่อนหน้านี้ นายธนภูมิ หนูปิ่น ลูกเขย เคยทำร้ายร่างกายลูกสาวอย่างหนักมาแล้ว โดยในเดือนพฤศจิกายน 2559 นายธนภูมิบุกไปหาลูกสาวถึงที่ทำงาน ฉุดกระชากลากตัวออกมาข้างนอก ใช้เท้าถีบบังคับให้เข้าไปในรถยนต์ ก่อนจะพาเข้าไปในป่า นายธนภูมิใช้มีดกรีดคอลูกสาว หวังจะฆ่าให้ตาย อีกทั้งยังชกเข้าที่เบ้าตาและเอาค้อนปอนด์ทุบเข้าที่อก ลูกสาวต้องกราบเท้าขอชีวิต จนอีกฝ่ายใจเย็น และพากลับออกมา 

สำหรับครั้งล่าสุดนี้ ลูกสาวได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ และตำรวจก็ได้ติดตามจับกุมลูกเขย จากการตรวจพบสารเสพติด จึงแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและเสพสารเสพติด แต่นายธนภูมิได้พูดจาหว่านล้อมลูกสาวตนให้เห็นแก่ลูก จนกระทั่งใจอ่อนและเข้าไปทำเรื่องขอยอมความ โดยขอให้ฝ่ายชายเซ็นใบหย่าเสียก่อน จึงจะยอมความให้ 

นางกนกทิพย์ เผยว่า ตนเชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ลูกสาวถูกสามีคนนี้ทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด และยังเคยพยายามทำให้ลูกสาวหน้าเสียโฉม ตนเชื่อว่านายธนภูมิเสพยาจนประสาทหลอน และมาเกิดอาการหึงหวง ตนเคยถามลูกว่าทำไมถึงมารักผู้ชายคนนี้ ลูกก็บอกตนว่าอยากเปลี่ยนแปลงผู้ชายคนนี้ คิดว่าความดีจะสามารถทำให้เขาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาแต่ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้อย่างที่คิด และในการทำร้ายร่างกายครั้งล่าสุดนี้ ลูกสาวของตนทนไม่ไหวอีกแล้ว ขอเลิกอย่างเด็ดขาด เพราะกลัวว่าครั้งหน้าคงถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต 

ทางด้าน น.ส.ลลิตา ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนคบหาดูใจกับสามีคนนี้มา 4 ปีแล้ว ในช่วง 3 เดือนแรกเป็นคนดีมาก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามปกติ และไม่มีปัญหาอะไร จนมาเปลี่ยนไปเพราะการเสพยาเสพติด สำหรับในคืนก่อนวันเกิดเหตุล่าสุด ตนกับนายธนภูมิได้วิดีโอคอลคุยกันตามปกติ แต่สักพักอีกฝ่ายก็ออกอาการไม่พอใจ พยายามให้ตนหันกล้องไปรอบๆ ห้อง เพราะคิดว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย

ตนจึงบอกไปว่าไม่มี อยู่คนเดียว สามีไม่เชื่อและยืนยันว่าได้เสียงคนอื่นอยู่ด้วย ตนจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงไปเสพยามาจนหลอน กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน นายธนภูมิขี่รถจักรยานยนต์มาที่หน้าบ้าน ตะโกนเรียกให้ตนออกไปหา แต่ตนนิ่งเงียบและปิดไฟ แสร้งทำไปว่าไม่มีคนอยู่ ตนพยายามโทร. แจ้งตำรวจ แต่โทร. ไม่ได้ เพราะนายธนภูมิโทร. เข้าหาตนตลอดจนสายไม่ว่าง  

ต่อมาในช่วงเช้า นายธนภูมิได้มาเคาะห้องเรียกเสียงอีก ตนจึงโทร. หาครอบครัวตน และโทร. ไปหาครอบครัวนายธนภูมิ รวมทั้งพยายามโทร. แจ้งตำรวจด้วย แต่อีกฝ่ายได้ใช้ไม้เขี่ยกลอนประตูบุกเข้ามาได้ ก่อนจะเข้ามาทำร้ายตนให้ห้องนอน ทั้งบีบคอ พยายามเอามีดคัตเตอร์กรีดใบหน้า แต่ตนปัดป้องไปได้ จนมากรีดโดนแขนแทน 

สามียังพูดว่า “มึงร้องขอชีวิตกูสิ” แล้วเตะใบหน้าตนอัดกระแทกกับกำแพง เลือดไหลเต็มใบหน้า อีกทั้งยังบอกตนว่า “กูบอกแล้วใช่ไหม อย่าให้กูเจอมึง” แต่ในระหว่างนั้นเอง พ่อของสามีได้ตามเข้ามาที่ห้อง และได้ช่วยเหลือตนเอาไว้ได้ทัน 

ด้านนายสุรัตน์ หนูปิ่น พี่ชายของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า น้องชายเล่าให้ตนฟังว่าที่ลงมือทำแบบนั้นไป เป็นเพราะโมโหที่ติดต่อภรรยาไม่ได้ และเกิดเป็นความหึงหวง ตนมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุมาก แม้ว่าจะไม่ได้เสพยา น้องชายคนนี้ก็เป็นที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว และเท่าที่ตนเคยสังเกต น้องสะใภ้ก็ไม่ได้มีผู้ชายคนอื่นมาติดพัน ดังนั้นน้องชายคงคิดไปเอง นอกจากนี้แล้ว ครอบครัวตนก็รับรู้มาตลอดว่าน้องชายมักทำร้ายน้องสะใภ้อยู่ตลอด น้องสะใภ้เคยหนีเข้ามาที่บ้านตนและพ่อแม่ แต่ก็ถูกน้องชายตามมารังควานไม่เลิก 

ขณะนี้น้องชายกำลังติดคุกในข้อหายาเสพติด ตนได้เข้าไปเยี่ยมและพูดคุยด้วยแล้ว แต่น้องชายยังไม่ท่าทีสำนึกผิด อีกทั้งยังขอให้ตนช่วยประกันตัวให้ แต่ตนไม่คิดว่าจะประกันตัวออกมา เพราะตนไม่มีเงิน และกลัวว่าถ้าออกมาได้แล้ว จะไปตามทำร้ายน้องสะใภ้อีก 

 

ข้อมูลจาก อมรินทร์ทีวี